การพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพ สู่ความสำเร็จในอนาคต

ความสำเร็จ หมายถึง การทำได้เสร็จในสิ่งที่ต้องการหรือหวังไว้ ซึ่งการจะทำอะไรได้คงจะต้องมีองค์ประกอบบางประการที่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะทำว่ามีความยากมากหรือน้อย และอาจขึ้นกับสิ่งที่หวังไว้ด้วยว่ามีความเป็นไปได้มากหรือน้อย อย่างไรก็ตาม การพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพและรู้จักตั้งระดับของความคาดหวังย่อมทำให้มีโอกาสที่ทำให้ตนเองมีความสมหวังกับสิ่งที่ทำได้ และข้อสำคัญคือถ้ารู้จักทำตนเองให้ทุกข์น้อยก็จะนำมาซึ่งความสำเร็จที่มีความสุข ข้อคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ที่อาจนำไปสู่ความสำเร็จในอนาคตดังต่อไปนี้

1.การตั้งเป้าหมายหรือการตั้งความหวังถูกต้องหรือไม่
การดำรงชีวิตของแต่ละคนจะมีความหมายคงจะต้องมีความหวังในชีวิตควบคู่กันไปโดยทั่วไประดับความหวังในแต่ละวัยอาจแตกต่างกัน แต่อย่างน้อยที่สุดก็คงหวังให้มีอาชีพที่เลี้ยงตัวเองได้และมีความก้าวหน้า โดยมีฐานะระดับหนึ่งในสังคม ดังนั้น การตั้งเป้าหมายหรือตั้งความหวังต้องไม่สูงเกินไปหรือยากเกินไปกว่าความสามารถของตนเองที่จะทำได้ และต้องสอดคล้องกับความเป็นไปได้ในช่วงเวลาที่ตั้งใจ

เช่น ถ้าตั้งใจจะมีอาชีพเป็นแพทย์หรือวิศวกรคงต้องทราบพื้นฐานของอาชีพนั้นๆ ว่าต้องมีทักษะอย่างไรโดยเฉพาะอาชีพข้างต้นคงจะต้องมีทักษะการคิดวิเคราะห์ที่เป็นระบบและมีความเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง ดังนั้น ถ้าขาดทักษะดังกล่าวก็อาจจะอยู่ในอาชีพนั้นอย่างมีความสุขได้ยาก ข้อสำคัญคือ ต้องรู้จักประเมินศักยภาพของตนเองว่ามีความสอดคล้องกับสิ่งที่ต้องการหรือไม่ กล่าวคือ ศักยภาพที่แท้จริงของตนเองมีมากหรือน้อยในด้านใดบ้าง

2.การมีกระบวนการที่ยืดหยุ่นเพื่อนำไปสู่เป้าหมาย
การจะทำอะไรให้ได้เป้าหมายที่ต้องการคงต้องคำนึงถึงปัจจัยที่จะทำให้ได้เป้าหมายที่ตั้งไว้ ถ้าเป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นเป้าหมายที่สูงก็อาจต้องการระยะเวลาที่จะบรรลุถึงเป้าหมายตลอดจนปัจจัยหลายอย่างที่ต้องทำ ดังนั้น การวางแผนที่ดีควรมีขั้นตอนที่ชัดเจนและควรกำหนดเวลาที่จะทำได้ในแต่ละขั้นตอน

เมื่อเริ่มดำเนินการบางขั้นตอนอาจมีอุปสรรคบางประการจึงควรมีการยืดหยุ่นในแง่ของกำหนดการตลอดจนผลลัพธ์ที่คาดหวัง ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีการปรับแผนการดำเนินการเป็นระยะให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง

3.การพัฒนาศักยภาพภายในของตนเองอย่างสม่ำเสมอ
สิ่งที่จำเป็นและขาดไม่ได้ในการดำเนินการเรื่องใหญ่คือ ปัญญา ซึ่งหมายถึง ความรอบรู้ ความรู้ทั่ว การจะเกิดปัญญาได้คงจะต้องมีสมาธิ ซึ่งหมายถึง ภาวะจิตมั่นคง จิตแน่วแน่ การฝึกสมาธิมีหลายรูปแบบซึ่งคงมีผลลัพธ์ที่จะทำให้ผู้ฝึกสมาธิมีความสงบในจิตใจเพื่อให้ใช้ภาวะที่เกิดศักยภาพสูงในความคิดสร้างสรรค์ทางด้านต่างๆ ที่ต้องการ การฝึกสมาธิที่ง่ายที่สุดคือ การสวดมนต์โดยเฉพาะบทสวดมนต์ที่ซึ่งมีคำสวดที่มีความมุ่งหมายดี เช่น บทเมตตาพรหมะวิหาระภาวนา (มหาเมตตาใหญ่) ซึ่งเป็น บทบันทึกเรื่องราวและบทพระธรรมเทศนาที่สำคัญตอนหนึ่งของพระพุทธเจ้า ซึ่งถูกจารึกไว้ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 31 หน้าที่ 34 ชื่อ เมตตากถา บทยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก และบทพระคาถาชินบัญชร เป็นต้น การที่จะมีสมาธิได้คงจะต้องมีศีลซึ่งโดยทั่วไปก็ควรถือศีล 5 ให้ได้ เพื่อให้เป็นคนที่มีระเบียบวินัยในการดำรงชีวิต มีจริยธรรมที่ดีงามและไม่ขัดต่อวัฒนธรรมอันดีงามของสังคม

4.การหาตัวแบบที่ตนเองชื่นชม
การมีตัวแบบที่ดีทำให้การดำเนินการต่างๆ มีแนวปฏิบัติที่ดีและมีโอกาสพลาดน้อยลงเพราะแนวปฏิบัติที่ดีได้ผ่านการดำเนินการที่เหมาะสมมาแล้ว ผู้เขียนก็มีตัวแบบของบุคคลที่ควรเคารพนับถือและยึดเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตตลอดจนวิธีการทำงานซึ่งคงขออนุญาตเอ่ยนามท่านในที่นี้ คือ ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา อดีตนายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาจารย์เป็นบุคคลที่มีจิตใจเมตตากรุณาและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่โดยเฉพาะมีวิธีการทำงานที่โยงหลักการทางพระพุทธศาสนาจึงทำให้ผู้ร่วมงานเข้าใจงานต่างๆ อย่างแจ่มแจ้ง การตัดสินใจแก้ปัญหาก็ทำด้วยความสุขุมรอบคอบ และมองประเด็นต่างๆ ทุกแง่มุม จึงทำให้ผลการดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์อย่างแยบยล

5.การศึกษาธรรมะ
คนไทยเป็นคนโชคดีที่มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งความโชคดีจะให้ผลดีในการดำเนินชีวิตคงจะต้องเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับอริยสัจสี่ ซึ่งได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค พุทธศาสนิกชนพึงเข้าใจว่าความทุกข์เป็นเรื่องธรรมดา ชีวิตของเราจะมีความสุขตามอัตภาพถ้ารู้จักทำให้ทุกข์ลดลง กล่าวคือ ต้องมีความเข้าใจว่าความทุกข์เกิดจากการเกิด แก่ เจ็บ และตาย จึงต้องทำใจให้ตระหนักเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเป็นประจำว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ส่วนสมุทัย คือ เหตุของการเกิดทุกข์นั้นเกิดจากความโลภ ความโกรธ และความหลง ซึ่งในสังคมไทยที่มีปัญหามากก็เกิดจากการไม่รู้จักพอ ผู้รับผิดชอบจึงควรเน้นการปลูกฝังแนวความคิดที่ดีให้กับเยาวชน ไม่ใช่เน้นพิธีกรรมมากเกินไป การจะดับทุกข์ได้คงต้องยึดหลักของ นิโรธ ซึ่งได้แก่ การละความโลภ ความโกรธ และความหลง ซึ่งถ้าเป็นคนที่ฝึกฝนตนเองดีด้วยการฝึกสมาธิก็อาจควบคุมตนเองในเรื่องเหล่านี้ได้มากขึ้น ส่วนการปฏิบัติให้ถึงการดับทุกข์คงต้องเข้าใจและยึดหลักเรื่อง มรรคแปดในการดำรงชีวิต ผู้อ่านจะเห็นได้ว่าถ้ามีความเข้าใจในสาระที่สำคัญของอริยสัจสี่ก็จะมีสติคิดได้ว่า ชีวิตของคนทุกคนมีขึ้นมีลง ไม่มีอะไรที่แน่นอนจึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น

6.การทำบุญสม่ำเสมอ
คนทุกคนมีกรรมเก่าในอดีต บางคนจะไม่ค่อยมีอุปสรรคในการดำรงชีวิตมากนัก เพราะคงทำกรรมดีในอดีตและไม่ทำสิ่งไม่ดีในปัจจุบัน แต่บางคนอาจมีอุปสรรค่อนข้างมากหรือมีฐานะไม่ดีนัก อาจเป็นเพราะผลกรรมในอดีต

This entry was posted in Uncategorized and tagged . Bookmark the permalink.

Comments are closed.